2 คนร้าย เดินสายลักทรัพย์ ไม่รอด! ถูกกล้องบันทึกภาพ ตร.ตามจับคาบ้านเช่า

 

2 คนร้าย เดินสายลักทรัพย์ ไม่รอด!

 

        2 คนร้าย เดินสายลักทรัพย์ตามร้านค้า-บ้านเรือน ไปไม่รอด! กล้องวงจรปิดจับภาพ ขณะย่องเข้ามาลักทรัพย์ในร้านค้า เจ้าของแจ้งความให้ช่วยตามจับ สุดท้ายจนมุม ถูกจับพร้อมของกลาง สารภาพ ทำมาแล้วหลายพื้นที่ นับครั้งไม่ถ้วน เมื่อวันที่ 27 ต.ค.58 พ.ต.ท.เกษม จอมพงส์ พงส.ผนพ.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายเข้าลักทรัพย์ ที่ร้านขายของชำ "ป้าหนู กะปิเครื่องแกง" หมู่ 7 ต.กุแหระ จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย ร.ต.ท.ธวัชชัย ยั่งยืน รองสว.สส. ร.ต.ต.อมร มากชู หัวหน้าป้อมสายตรวจกุแหระ และกำลัง อส.ตร.ฝ่ายสืบสวน ตำรวจเวรวิทยาการ

        ที่เกิดเหตุ พบ นายพรณรงค์ แจ่มจรัส อายุ 48 ปี ชาวบ้าน  ต.กุแหระ เจ้าของบ้านยืนรอให้การกับตำรวจว่า หลังขายของให้ลูกค้าเสร็จตอนสองทุ่มคืนวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ปิดร้านเข้านอนที่บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายของ ตอนเช้าตื่นมาเปิดร้านตามปกติ จะหยิบเงินที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทอนให้ลูกค้า ก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่า เงินเหรียญที่เก็บไว้สำหรับเป็นเงินทอนไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท หายไป จึงตัดสินใจเดินไปเปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่า ช่วงระหว่างเวลา 01.50 น. กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพ ของคนร้ายที่ย่องเข้ามาทางหน้าต่างด้านข้างของร้านค้า เข้ามาภายในร้านและหยิบเอาเงินสดที่เป็นเหรียญไว้ได้ 1 คน ส่วนคนร้ายอีก 1 คน กล้องวงจรปิดจับภาพ ขณะแอบซุ่มอยู่ข้างร้านค้า และทำท่าทางคอยดูต้นทางให้กับเพื่อนที่เข้าไปลักทรัพย์

        จากนั้น จึงเดินทางมาแจ้งความกับ ร.ต.ต.อมร มากชู โดยตำรวจขอดูภาพของคนร้ายจากกล้องวงจรปิด และจำใบหน้าของคนร้ายได้อย่างเเม่นยำว่า น่าจะเป็นคนร้ายที่มาเช่าบ้านอยู่ไม่ห่างจากป้อมสายตรวจ จึงได้วิทยุมาที่ สภ.ทุ่งใหญ่ ขอกำลัง ให้ชุดสืบสวน นำกำลังเข้าจับกุม ขณะที่คนร้ายทั้ง 2 คน ยังนอนหลับอยู่ภายในบ้านเช่าเลขที่ 7/7 หมู่ 7 ต.กุแหระ อยู่ห่างจากป้อมสายตรวจประมาณ 120 เมตร

        ขณะที่ คนร้าย ทราบชื่อ คือ นายแดง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และ นายดำ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ตรวจค้นในบ้านเช่า พบเงินเหรียญ มีทั้งเหรียญ 1 บาท 5 บาท และเหรียญ 10 บาท วางอยู่ใกล้กับที่ทั้ง 2 คนนอนอยู่ โดยนายดำ ให้การรับสารภาพว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ จากบ้านเช่าเข้ามาจอดไว้ข้างร้านค้าของเหยื่อในตอนดึก จากนั้นนายดำเป็นคนลงมือ ปีนเข้าไปลักทรัพย์ทางหน้าต่าง ที่อยู่ด้านข้างของร้าน หลังได้เงิน ก็ปีนกลับออกมาทางเดิม โดยมีนายแดง เป็นคนคอยดูต้นทางให้ จากนั้นก็ขี่รถพากันกลับมาที่บ้านเช่า เพื่อจะนับเงินเหรียญที่ขโมยมาได้ ระหว่างที่นับไปได้ถึง 300 บาท ก็เกิดอาการง่วงนอน จึงชวนกันนอนหลับ จนกระทั่งรุ่งเช้า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเคาะประตูเรียกให้เปิด พร้อมเข้าจับกุมตัวไว้ทั้งหมดพร้อมกับของกลาง

        นอกจากนี้ นายดำ ยังกล่าวเปิดใจต่ออีกว่า ตนเองเป็นคน จ.นครราชสีมา ย้ายตามพ่อมาทำงาน โดยพ่อทำงานเป็นช่างก่อสร้าง ส่วนตนไม่มีงานทำ ตกกลางคืนก็จะชวนเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน ออกลักทรัพย์ตามบ้านเรือนและร้านค้า โดยตนจะเป็นคนลงมือเข้าไปลักทรัพย์ทุกครั้งไป ส่วนเพื่อคู่หูก็จะให้คอยดูต้นทาง ซึ่งทำมาแล้วหลายพื้นที่ทั้งใน จ.นครศรีธรรมราช จ.กระบี่ จ.สุราษฎร์ธานี ตามเขตรอยต่อของแต่ละจังหวัด เบื้องต้น จำได้ประมาณ 5 ครั้ง เจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน จึงควบคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และกล้องวงจรปิดที่ใช้เป็นหลักฐานจับกุมคนร้ายนี้ สามารถใช้ร่วมกับ อีสมาร์ทบ็อก(eSmart Box) ซึ้งเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีเว็บเซอร์เวอร์อยู่ภายในตัวมันเองสามารถทำงานได้ทุกที่ ที่มีอินเตอร์เน็ต และเก็บภาพ นิ่งของ คน ของ รถ ไว้ด้วยความละเอียดสูง เพื่อให้ศูนย์บริหารงานส่วนกลางเรียกใช้ได้อีกด้วย

อ้างอิง : https://www.thairath.co.th/content/535137


วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558

©1999-2024 eideas.co,.ltd. all rights reserved www.eideas.co.th